วันพฤหัสบดีที่ 26 กันยายน พ.ศ. 2556

กระบวนการผลิต = การผลิตทองคำแท่ง

                                 
                   กระบวนการผลิต = การผลิตทองคำแท่ง


              https://www.youtube.com/watch?v=g7IcAiJMjzQ









การจัดลูกค้าสัมพันธ์

การจัดลูกค้าสัมพันธ์
1.CRM คืออะไร จงอธิบาย
CRM ย่อมาจาก Customer Relationship Management คือ การบริหารความสัมพันธ์กับลูกค้า ซึ่งหมายถึงวิธีการที่เราจะบริหารให้ลูกค้ามีความรู้สึกผูกพันธ์กับสินค้า ,บริการ หรือองค์กรของเรา เมื่อลูกค้าเค้ามีความผูกพันธ์ในทางที่ดีกับเรา แล้วก็ลูกค้านั้นไม่คิดที่จะเปลี่ยนใจไปจากสินค้าหรือบริการของเรา ทำให้เรามีฐานลูกค้าที่มั่นคง และนำมาซึ่งความมั่นคงของบริษัท ดังนั้น การที่จะรู้ซึ้งถึงสถานะความผูกพันธ์กับลูกค้าได้นั้น เราก็ต้องอาศัยการสังเกตุพฤติกรรมของลูกค้า แล้วนำมาวิเคราะห์หาความเกี่ยวข้องระหว่าง พฤติกรรมของลูกค้ากับกลยุทธ์ทางการตลาดของเรา
2.จงอิบายการทำงานของ CRM มี4ขั้นตอน อะไรบ้าง
1.Identify เก็บข้อมูลว่าลูกค้าของบริษัทเป็นใคร เช่น ชื่อลูกค้า ข้อมูลสำหรับติดต่อกับลูกค้า
 2.Differentiate วิเคราะห์พฤติกรรมของลูกค้าแต่ละคน และจัดแบ่งลูกค้าออกเป็นกลุ่มตามคุณค่าที่ลูกค้ามีต่อบริษัท
 3.Interact มีปฏิสัมพันธ์กับลูกค้าเพื่อเรียนรู้ความต้องการของลูกค้า และเพื่อสร้างความพึงพอใจให้กับลูกค้าในระยะยาว
 4.Customize นำเสนอสินค้าหรือบริการที่มีความเหมาะสมเฉพาะตัวกับลูกค้าแต่ละคน
3.จงอธิบายประโยชน์ของ CRM
1.CRM ช่วยเพิ่มความสามารถในการให้บริการลูกค้าได้ดีขึ้น เช่น ใช้เว็บไซต์ในการให้ข้อมูลเกี่ยวกับสินค้า วิธีการใช้สินค้า และให้ความช่วยเหลือแก่ลูกค้าได้ตลอด 24 ชั่วโมง เป็นช่องทางให้ลูกค้าแนะนำติชมต่อบริการของบริษัทได้ง่าย ช่วยให้ลูกค้าสามารถ customize ความต้องการของตนเองได้ทันที เป็นต้น

2.CRM ช่วยพัฒนาความสัมพันธ์ระหว่างบริษัทกับลูกค้าให้ดีขึ้น ช่วยให้บริษัทรู้ความสนใจ ความต้องการ และพฤติกรรมการซื้อของลูกค้า ทำให้บริษัทสามารถนำเสนอสินค้าที่เหมาะสม กับลูกค้าได้ และช่วยให้บริษัทสามารถให้บริการหลังการขายแก่ลูกค้าตามที่ลูกค้าต้องการได้ การสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้าในระยะยาวจะช่วยเพิ่ม loyalty ที่ลูกค้ามีต่อบริษัท ลดการสูญเสียลูกค้า ลดต้นทุนการตลาด เพิ่มรายได้จากการที่ลูกค้าซื้อซ้ำหรือแนะนำให้คนรู้จักซื้อสินค้าของบริษัท และนั่นหมายถึงกำไรของบริษัทที่เพิ่มมากขึ้น


การบ้าน การตลาด

                                          การบ้านการตลาาด
1.อุตสาหกรรมอัญมณี

อุตสาหกรรมอัญมณีและเครื่องประดับไทยเป็นอุตสาหกรรมที่ยังคงต้องพึ่งพิงการนำเข้าทั้งในส่วนของโลหะมีค่าต่างๆ เช่น ทองคำ และเงิน รวมไปถึงอัญมณีบางประเภท โดยเฉพาะเพชร เนื่องจากไม่มีวัตถุดิบภายในประเทศ ประกอบกับวัตถุดิบพลอยที่ขุดพบภายในประเทศเริ่มมีจำนวนลดน้อยลง รวมถึงค่าจ้างแรงงานฝีมือที่สูงขึ้น ส่งผลให้ความได้เปรียบทางด้านต้นทุนการผลิตของไทยลดลง ดังนั้นอุตสาหกรรมอัญมณีและเครื่องประดับไทยจึงจำเป็นต้องเร่งพัฒนาฝีมือแรงงงาน และเทคโนโลยีในการผลิต เพื่อก่อให้เกิดการสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับผลิตภัณฑ์อัญมณีและเครื่องประดับได้มากขึ้น และสร้างเชื่อมโยงไปสู่อุตสาหกรรมต่อเนื่องต่างๆ รวมไปถึงการขยายช่องทางการตลาด เพื่อเสริมสร้างอุตสาหกรรมอัญมณีและเครื่องประดับไทยให้มีศักยภาพในการแข่งขันในตลาดต่อไปในอนาคต ระดับโลกได้


            2.Direct Marketing

 บริษัท เบทเตอร์เวย์ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้จัดจำหน่ายเครื่องสำอางขายตรง มิสทิน ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 2531 โดยราชาขายตรงของเมื่องไทย ดร.อมรเทพ ดีโรจนวงศ์” อดีตประธานกรรมการ เจตนารมณ์ของการก่อตั้ง ในครั้งนี้ก็เพื่อสร้างสรรค์ชีวิตที่ดีขึ้น (ดังชื่อของบริษัท เบทเตอร์เวย์) ให้กับคนไทยทั่วประเทศ ผ่านธุรกิจระบบขายตรงของคนไทย
ในยุคเริ่มต้น คนไทยยังไม่รู้จักธุรกิจขายตรงมากนัก สำนักงานของ บริษัทเบทเตอร์เวย์ (ประเทศไทย) จำกัด ในยุคแรกเป็นเพียงอาคารพาณิชย์ 3 คูหามีพนักงานไม่ถึง 10 คน สินค้าไม่ถึง 100 รายการ ในปีถัดมาเป็นปีที่คนไทยทั่วประเทศรู้จักมิสทิน โดยการนำกลยุทธ์การโฆษณามาใช้ ซึ่งเป็นการปฏิวัติวงการขายตรงของโลก โดยมีสโลแกนอันเป็นอมตะของคุณอมรเทพว่านิ้ง..หน่อง มิสทินมาแล้วค่ะ” เป็นสโลแกนง่ายๆบอก ความเป็นไทยและสื่อถึงการขายตรงได้อย่างชัดเจน

 
3.Mobile Commerce ; M-Commerce

                มูลค่าของการทำธุรกรรมการค้ามือถือที่ดำเนินการผ่านทางโทรศัพท์มือถือและแท็บเล็ตถูกตั้งค่าให้เกิน USD 3200000000000 ปี 2017 ขึ้นจาก USD 1500000000000 ในปี 2013, รายงานล่าสุดที่ได้เปิดเผย
ตามที่รายงานใหม่ที่ชื่อ "ตลาดพาณิชย์มือถือ: วิเคราะห์แนวโน้มภาคโดยภาคและการคาดการณ์ 2013-2017" และออกโดย บริษัท วิจัยจูนิเปอร์วิจัย , นิยมที่เพิ่มขึ้นของโทรศัพท์มือถือสำหรับการชำระเงินการเรียกเก็บเงินจะสะท้อนให้เห็นในความจริงที่ว่าธนาคารมือถือ บัญชีภาคสิงโตของหุ้นของมูลค่าการทำธุรกรรมในช่วงห้าปีข้างหน้า อย่างไรก็ตามเพื่อนำทั่วโลก m-Commerce ในบริบทการทำธุรกรรมทางการเงินโดยรวมในสหรัฐเพียงอย่างเดียวเกิน USD 4,400 ล้านล้านในปี 2012
รายงานยังพบว่าจำนวนของอุตสาหกรรมที่สำคัญ - ค้าปลีกของสายการบินสถาบันการเงิน - ได้รับการเน้นความสำคัญของช่องทางโทรศัพท์มือถือในขณะที่การสู้รบการส่งมอบและกลไกการชำระเงิน นอกจากนี้ยังตั้งข้อสังเกตว่าการแนะนำของบริการโทรศัพท์มือถือกระเป๋าสตางค์ก็ให้เวลาในการเข้าถึงทางการเงินเป็นครั้งแรกในตลาดเกิดใหม่จำนวนมากที่สัดส่วนของผู้ใหญ่ unbanked เกินร้อยละ 50 ในตลาดเดียวกันความร่วมมือระหว่างร้านค้าและผู้ประกอบการ OTT เครือข่าย - ช่วยให้การชำระเงินผ่านทางผู้ให้บริการเรียกเก็บเงิน - ถูกเปิดใช้งานส่วนใหญ่จะเข้าถึงเศรษฐกิจดิจิตอล
อย่างไรก็ตามรายงานได้เปิดเผยว่าจำนวนของอุปสรรคที่ยังคงจำเป็นที่จะเอาชนะถ้า m-Commerce เป็นเพื่อให้บรรลุศักยภาพในปีที่ผ่านมา ตามรายงานของผู้เขียน ดร. วินด์เซอร์โฮลเดน "ชนกลุ่มน้อยอย่างมีนัยสำคัญของร้านค้าปลีกยังไม่ได้เพิ่มประสิทธิภาพเว็บไซต์ของตนสำหรับโทรศัพท์มือถือ ยกเว้นในกรณีที่ร้านค้าปลีกให้ราบรื่นประสบการณ์การช็อปปิ้งที่ใช้งานง่ายโทรศัพท์มือถือที่พวกเขาจะตกหลังคู่แข่งที่กำลังใช้ช่องทางโทรศัพท์มือถือเพื่อเสริมสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้า. "
รายงานยังชี้ให้เห็นว่ายาว POS วงจรชีวิตเปลี่ยนโครงสร้างพื้นฐานที่ถูกขัดขวางการใช้งาน NFC ทั้งในร้านค้าปลีกและภาคการขนส่งกับผู้เล่นด้วยความเข้าใจลังเลที่จะอัพเกรดโครงสร้างพื้นฐานโดยไม่ต้องแสดงให้เห็นผลตอบแทนจากการลงทุน











พันธมิตรทางธุรกิจ (Business Alliance)

พันธมิตรทางธุรกิจ (Business Alliance)

คือ ข้อตกลงระหว่างธุรกิจ โดยปกติจะทำเพื่อการลดต้นทุน และการปรับปรุงบริการให้ดีขึ้นสำหรับลูกค้า ความร่วมมือมักจะอยู่ในรูปของข้อตกลงแบบเดี่ยว (Singleagreement) ที่มีการแบ่งปันทั้งโอกาสและความเสี่ยงเท่าๆ กันของทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง และมีการจัดการอย่างเป็นรูปแบบโดยทีมทำงานร่วมกัน หลายคนได้พยายามจัดประเภทและรูปแบบของการเป็นพันธมิตรทางธุรกิจไว้ ซึ่งมีทั้งที่เหมือนและแตกต่างกันไป ดร.ธีรยุส วัฒนาศุภโชค อาจารย์ประจำคณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้แบ่งประเภทของพันธมิตรทางธุรกิจโดยใข้รูปแบบของความร่วมมือออกเป็น 3 ประเภท คือ
พันธมิตรแบบเซ็นสัญญา (Contractual Agreement) เป็นความร่วมมือระหว่าง 2 องค์กรขึ้นไปที่เซ็นสัญญาเพื่อร่วมมือในกิจกรรมทางธุรกิจอย่างใดอย่างหนึ่ง เช่น การแลกเปลี่ยนความรู้ทางเทคโนโลยี การรวมทรัพยากรและทักษะการดำเนินธุรกิจเพื่อให้เกิดการลดต้นทุน เป็นต้น โดยการทำพันธมิตรแบบนี้สามารถทำได้ในหลายรูปแบบอาทิ ช่องทางการจัดจำหน่าย การส่งเสริมการขาย
และโฆษณา การวิจัยและพัฒนา การจัดซื้อ ธุรกิจประเภทนี้จะมีความผูกพันกันน้อย เนื่องจากยังคงเป็นองค์กรที่ดำเนินการอย่างอิสระไม่ขึ้นต่อกัน จะร่วมมือกันเฉพาะประเด็นที่ได้มีการตกลงกันไว้ในสัญญาเท่านั้น ตัวอย่างพันธมิตรรูปแบบนี้ อาทิ Star alliances

ตัวอย่าง   พันธมิตรธุรกิจการบินของบริษัทการบินไทย จำกัด (มหาชน) ที่ร่วมมือโดยการเซ็นสัญญากับสายการบินพันธมิตรในการร่วมกัน
กำหนดเครือข่ายการให้บริการทั่วทุกภูมิภาค หรือกรณีของบริษัท แมคโดนัลด์แถมของเล่นจากบริษัทดิสนีย์ให้กับลูกค้าที่ซื้อแฮมเบอร์เกอร์ อีกตัวอย่างหนึ่งคือ บริษัทผู้ผลิตเครื่องดื่มบำรุงกำลัง คาราบาวแดงที่ในช่วงเริ่มต้นธุรกิจได้ตัดสินใจที่จะเป็นพันธมิตรธุรกิจกับบริษัทเสริมสุข จำกัดซึ่งเป็นบริษัทผู้ผลิตเครื่องดื่มเป๊ปซี่ ในการทำแผนการขายร่วมกัน และมีช่องทางการจัดจำหน่ายมากมายที่จะช่วยให้คาราบาวแดงเป็นที่รู้จักและติดตลาดได้ง่ายขึ้น เป็นต้น
พันธมิตรแบบเข้ามาถือหุ้นระหว่างกัน (Minority Equity Agreement) เป็นลักษณะที่ธุรกิจมีความร่วมมือกันด้านทุนในการประกอบธุรกิจ เช่น การถือหรือแลกเปลี่ยนหุ้นระหว่างกัน การกำหนดราคาหุ้นของบริษัทแล้วให้บริษัทพันธมิตรเข้ามาซื้อหุ้นในราคาต่ำกว่าราคาตลาด ซึ่งจะทำให้แต่ละบริษัทมีสิทธิในส่วนแบ่งกำไรของบริษัทพันธมิตร เป็นการลดปัญหาความขัดแย้งด้านผลประโยชน์
ของแต่ละบริษัท และสามารถนำไปสู่ความร่วมมือในด้านต่างๆ เช่น ตลาด เทคโนโลยี การเงิน และการจัดซื้อ เป็นต้น วิธีนี้จะมีความร่วมมือที่เหนียวแน่นมากกว่าการเซ็นสัญญา เนื่องจากมีเรื่องของเงินทุนเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย
พันธมิตรแบบธุรกิจร่วมทุน (Joint Venture) จะแตกต่างจากพันธมิตรแบบเข้ามาถือหุ้นระหว่างกันเพราะพันธมิตรแบบธุรกิจร่วมทุนเป็นการร่วมทุนในการจัดตั้งองค์กรใหม่ร่วมกัน ซึ่งมีการดำเนินงานที่แยกจากธุรกิจหรือองค์กรเดิมที่แต่ละฝ่ายมีอยู่แล้ว เช่น บริษัท A ร่วมทุนกับบริษัท Bเพื่อจัดตั้งบริษัท C สำหรับดำเนินงานอย่างใดอย่างหนึ่งตามวัตถุประสงค์ร่วมกันระหว่าง A และ B
ในการทำธุรกิจร่วมทุนนี้ แต่ละบริษัทพันธมิตรเข้าไปมีส่วนร่วมในการบริหารงานของบริษัท Cโดยมีการกำหนดสัดส่วนการถือหุ้นของแต่ละบริษัทพันธมิตรอย่างชัดเจน ซึ่งขึ้นอยู่กับการต่อรองของแต่ละฝ่าย วิธีการนี้นับได้ว่าได้รับความนิยมในปัจจุบัน เนื่องจากมีความคล่องตัว และอิสระทั้งในแง่นโยบายและการดำเนินงานลักษณะกิจกรรมของพันธมิตรธุรกิจจะมีด้วยกันหลายวัตถุประสงค์ สรุปได้ดังนี้
การร่วมมือด้านการตลาด ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการแลกเปลี่ยนข้อมูล ข่าวสาร การแลกเปลี่ยนฐานลูกค้าระหว่างกัน การใช้ช่องทางการตลาดร่วมกัน การพัฒนาแคมเปญทางการโฆษณา และส่งเสริมการขายร่วมกัน รวมถึงการทำตราสินค้าร่วมกัน (Co-brand) ซึ่งมุ่งเน้นการใช้ชื่อเสียงทางด้านตราสินค้าและเครื่องหมายการค้าของพันธมิตรในการสร้างความสำเร็จทางการตลาด ในสมัยก่อน การทำตราสินค้าร่วมกัน


 อ้างอิง

ดร.ธีรยุส วัฒนาศุภโชค 2547 “ กลยุทธ์เพื่อการเติบโต สมัยใหม่ (Innovative Growth Strategy)”
โครงการสัมมนาวิชาการก้าวสู่ทศวรรษที่สามกับ MBA จุฬาฯ
ดร.ธีรยุส วัฒนาศุภโชค 2549 “ เจรจาต่อรองกับพันธมิตรให้สัมฤทธิ์ผล ” MBA Magazine No.87
Vol.8 มิถุนายน 2549
ศิริวรรณ เสรีรัตน์ 2541 “ กลยุทธ์การตลาดและการบริหารการตลาด ฉบับแก้ไขปรับปรุง
Diamond in Business World
กองบรรณาธิการ 2550 “ พันธมิตรธุรกิจ...กลยุทธ์เสริมพลังสร้างความเป็นต่อ แมกกาซีนออน
ไลน์
• Dr. Hirochi Yasuda, 2005. “Strategic Alliances for SMEs”, the Asia-Pacific Tech Monitor, May-
June 2005, pp.16-22










แนวโน้มของเทคโนโลยีสารสนเทศในอนาคต

แนวโน้มของเทคโนโลยีสารสนเทศในอนาคต

การพัฒนาเทคโนโลยีสารสนเทศในคริสต์ศตวรรษที่21มีแนวโน้มที่จะพัฒนาคอมพิวเตอร์ให้มีความสามารถใกล้เคียงกับมนุษย์ เช่น การเข้าภาษาสื่อสารของมนุษย์ โครงข่ายประสาทเทียม ระบบจำลอง ระบบเสมือนจริง โดยพยายามนำไปใช้ให้เกิดประโยชน์มากขึ้นลดข้อผิดพลาดและป้องกันไม่ให้นำไปใช้ในทางที่ไม่ถูกต้องหรือผิดกฎหมายแนวโน้มใน ด้านบวก  
การพัฒนาเครือข่ายคอมพิวเตอร์ โดยเฉพาะเครือข่ายอินเทอร์เน็ตที่เชื่อมโยงกันทั่วโลก ก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางสังคม ช่องทางการดำเนินธุรกิจ เช่น การทำธุรกรรมอิเล็กทรอนิกส์ การพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ การผ่อนคลายด้วยการดูหนัง ฟังเพลง และบันเทิงต่างๆ เกมออนไลน์ 
การพัฒนาให้คอมพิวเตอร์สามารถฟังและตอบเป็นภาษา พูดได้ อ่านตัวอักษรหรือลายมือเขียนได้ การแสดงผลของคอมพิวเตอร์ได้เสมือนจริง เป็นแบบสามมิติ และการรับรู้ด้วยประสาทสัมผัส เสมือนว่าได้อยู่ในที่นั้นจริง การพัฒนาระบบสารสนเทศ ฐานข้อมูล ฐานความรู้ เพื่อพัฒนาระบบผู้เชี่ยวชาญและการจัดการความรู้  
การศึกษาตามอัธยาศัยด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ (e-learning) การเรียนการสอนด้วยระบบโทรศึกษา (tele-education) การค้นคว้าหาความรู้ได้ตลอด 24 ชั่วโมงจากห้องสมุดเสมือน (virtual library) 
การพัฒนาเครือข่ายโทร คมนาคม ระบบการสื่อสารผ่านเครือข่ายไร้สาย เครือข่ายดาวเทียม ระบบสารสนเทศภูมิศาสตร์ ทำให้สามารถค้นหาตำแหน่งได้อย่างแม่นยำ  
การบริหารจัดการภาครัฐสมัยใหม่ โดยการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและเครือข่ายการสื่อสารเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการ ดำเนินการของภาครัฐที่เรียกว่า รัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์ (e-government) รวมทั้งระบบฐานข้อมูลประชาชน หรือ e-citizen 

แนวโน้มใน ด้านลบ  
ความผิดพลาดในการทำงานของระบบ คอมพิวเตอร์ ทั้งส่วนฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ ที่เกิดขึ้นจากการออกแบบและพัฒนา ทำให้เกิดความเสียหายต่อระบบและสูญเสียค่าใช้จ่ายในการแก้ปัญหา 
การละเมิดลิขสิทธิ์ของทรัพย์สินทางปัญญา การทำสำเนาและลอกเลียนแบบ การก่ออาชญากรรมทางคอมพิวเตอร์ การโจรกรรมข้อมูล การล่วงละเมิด การก่อกวนระบบคอมพิวเตอร์  




ระบบปัญญาประดิษฐ์  

       
   ปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence) เป็นการพัฒนาระบบคอมพิวเตอร์ให้มีความสามารถในการตอบสนองกับความต้องการของ มนุษย์ได้ ให้มีพฤติกรรมเลียนแบบมนุษย์ มีความเข้าใจภาษามนุษย์ รับรู้ได้และตอบสนองด้วยการแสดงออกทางพฤติกรรมและภาษามนุษย์

ปัญญาประดิษฐ์ ประกอบด้วยสาขาวิชาต่างๆ ได้แก่ 
ภาษาธรรมชาติ (Natural Language) 
โครงข่าย ประสาทเทียม (Artificial Neural Network) ระบบผู้เชี่ยวชาญ (Expert System)  
ศาสตร์ด้านหุ่นยนต์ (Robotics)  



ภาษาธรรมชาติ (Natural Language) 

          ภาษาธรรมชาติกับการประยุกต์ใช้ภาษาไทยบน คอมพิวเตอร์ เป็นนำวิทยาการด้านวิศวกรรมคอมพิวเตอร์และเทคโนโลยีด้านการประมวลผลภาษา ธรรมชาติมาพัฒนาโปรแกรมประมวลผลภาษาไทยบนคอมพิวเตอร์เพื่อให้ใช้งานได้อย่าง มีประสิทธิภาพ ประกอบด้วย การประมวลผลตัวอักษร (Character) คำ (Word) ข้อความ (Text) ภาพ (Image) และความรู้ด้านภาษาศาสตร์ (Linguistics)

          
 

โครงข่ายประสาทเทียม (Artificial Neural Network) การสร้างคอมพิวเตอร์ที่จำลองเอาวิธีการทำงานของสมองมนุษย์ หรือทำให้คอมพิวเตอร์รู้จักคิดและจดจำในแนวเดียวกับโครงข่ายประสาทของมนุษย์ เพื่อช่วยให้คอมพิวเตอร์ฟังภาษามนุษย์ได้เข้าใจ อ่านออก และรู้จำได้ ซึ่งอาจเรียกได้ว่าเป็น สมองกล
เทคโนโลยีการสื่อสาร ทุกที่ ทุกเวลา  

          
ยูบิควิตัสเทคโนโลยี (Ubiquitous technology) สังคมยูบิควิตัส (Ubiquitous society) หรือ ยูบิคอมบ์ (Ubicomp) เป็นทำให้เกิดสภาพแวดล้อมของการสื่อสารใหม่และเป็นแนวโน้มของสังคมสารสนเทศ ยูบิควิตัส เป็นภาษาลาติน มีความหมายว่า อยู่ในทุกแห่ง หรือ มีอยู่ทุกหนทุกแห่ง มาร์ค ไวเซอร์ (Mark Weiser) แห่งศูนย์วิจัย Palo Alto ของบริษัท Xerox ประเทศสหรัฐอเมริกา ได้ให้คำนิยาม "ยูบิควิตัสคอมพิวติง" ไว้ว่า เราสามารถเข้าถึงคอมพิวเตอร์ได้ทุกหนทุกแห่ง-สภาพแวดล้อมที่สามารถใช้ คอมพิวเตอร์เชื่อมต่อกับเครือข่าย ไม่ว่าจะอยู่ในที่แห่งใด

จุดเด่นของยูบิควิตัส ได้แก่  

<การเชื่อมต่อกับเครือข่ายไม่ว่าผู้ใช้งาน จะเคลื่อนย้ายไปยังสถานที่ต่างๆ 
<การ สร้างสภาพการใช้งานโดยผู้ใช้ไม่รู้สึกว่ากำลังใช้คอมพิวเตอร์อยู่  การให้บริการที่สามารถเปลี่ยนไปตามสถานการณ์ทั้ง สถานที่ อุปกรณ์ ปัจจัยทางกายภาพอื่นๆ  



เทคโนโลยีสารสนเทศ กับการศึกษา  

          เทคโนโลยีสารสนเทศที่ใช้กับการศึกษาได้แก่ สื่อคอมพิวเตอร์ช่วยสอน หรือ CAI (Computer Aided Instruction) เทคโนโลยีการสื่อสารที่ก้าวหน้าขึ้นทำให้รูปการเรียนที่จำกัดด้วยชั้นเรียน ขนาดเล็ก

กลายเป็นการเรียนด้วยระบบการสื่อสารทางไกลหรือโทรศึกษา (tele-education) เพื่อขยายโอกาสทางการศึกษาและแก้ปัญหาการขาดแคลนอาจารย์ผู้สอน ต่อมาเมื่ออินเทอร์เน็ตได้พัฒนาอย่างรวดเร็วและได้รับความนิยมมากขึ้นจึงได้ พัฒนาเป็น การเรียนการสอนผ่านเว็บเพจ WBI (Web Based Instruction) หรือ WBL (Web Based Learning) และได้มีการพัฒนาปรับปรุงเป็นสื่อการเรียนการสอนแบบ e-Learning (Electronics Learning)
e-Learning
คือ การนำเอาเทคโนโลยีเครือข่ายอินเทอร์เน็ตเข้ามาช่วยในการเรียนการสอน การถ่ายทอดความรู้ การอบรม 






กรณีศึกษา


กรณีศึกษา

1.  มีระบบสารสนเทศใดบ้างที่เกิดขึ้นในร้าน Sports for  All
         -  โปรแกรมทางบัญชี
            - ระบบแลกเปลี่ยนข้อมูลอีเล็กทรอนิกส์   
            - ระบบ e-Commerce

2. ช่วยอธิบายให้ แนนซี่กับจิมเข้าใจหน่อยว่าทำไม IT จึงสามารถช่วยให้ธุรกิจอยู่รอยได้
        - เราจะได้ตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ

3. ทำไมเดวิดจึงพยายามผลักดันให้ใช้ Web ในการตลาด
       -เพื่อการตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้เป็นอย่างดี
      -จะได้มีระบบใบสั่งซื้อ  ซึงลูกค้าสามารถสั่งซื้อได้โดยตรง
      -การศึกษาและสำรวจความเป็นไปได้ในการรวมกลุ่มกันระหว่างผู้ซื้อกับผู้ขาย





4. มีเทคโนโลยีสารสนเทศใดบ้างเข้ามาช่วยเหลือธุรกิจนี้และช่วยอย่างไร
      -Electronics Data interchange   เราสร้างแลกแปลี่ยนข้อมูลได้ง่ายขึ้น
      -word processor     สามารถประมวลผลคำได้

5มีเทคโนโลยีการสือสารใดบ้างที่บริษัทนี้ใช้ในการสือสารกับลูกค้า
      -คอมพิวเตอร์
      -โทรศัพท์เคลื่อนที่



แบบฝึกหัดกระบวนการทำงานขององค์กรธุรกิจ

แบบฝึกหัดกระบวนการทำงานขององค์กรธุรกิจ


1จงอธิบายกระบวนการทำงานขององค์กรธุรกิจ
       
                 หน่วยงานที่จัดตั้งขั้นในลักษณะขององค์กรที่มีกระบวนการทำงานโดยการนำเอาทรัพยากรทางเศรษฐ  ได้แก่ คน  เงิน วัตถุดิบ  เครื่องมือ ที่ดิน  พลังงาน  สิ่งอำนวยความสะดวก  และ ข้อมูล  ไปทำการประมวลผลด้วยกระบวนการทางธุรกิจได้แก่  การผลิต  การตลาด  การขาย  การเงิน และ การจัดการงานบุบคล  เพื่อให้ได้ผลผลิตออกมาในรูปสินค้าบริการ  โดยมีระบบ ระบบสารสนเทศ”  ช่วยสนับสนุนการดำเนินงาน และมีการบริหารเป็นตัวควบคุมการดำเนินงานให้เป็นไปตามทิศทางที่กำหนดไว้  โดยต้องคำนึงถึงและตอบสนองต่อองค์ประกอบภายในและภายนอกองค์กร  ได้แก่  ลุกค้า  ตัวแทนจำหน่าย  ผู้ถือหุ้น  คู่แข่น  สถาบันการเงิน  สหภาพแรงงาน  องค์ภาครัฐ  และ สังคม

2จงระบุถึงสภาพแวดล้อมโดยทั่วไปที่มีผลต่อการดำเนินงานขององค์กรธุรกิจ
     
              สภาพแวดล้อม แบ่งออกได้ 2 ส่วน คือ

         1 สภาพแวดล้อมโดยทั่วไป ได้แก่ สภาพภาพแวดล้อมทางด้านสังคมเศรษฐกิจ  การเมือง  กฎหมาย  วัฒนธรรม  การเปลี่ยนแปลงระหว่างประเทศ                                                               วิทยาศาสตร์และ  เทคโนโลยี

         
         2 สภาพแวดล้อมเฉพาะด้าน ได้แก่ ลูกค้า  ผู้ค่าปลีก ผู้ค่าส่ง   ตัวแทน  จำหน่าย  
            คู่แข่นขัน  ผู้วางกฎระเบียบ และ ผู้ถือหุ้น