วันพฤหัสบดีที่ 26 กันยายน พ.ศ. 2556

พันธมิตรทางธุรกิจ (Business Alliance)

พันธมิตรทางธุรกิจ (Business Alliance)

คือ ข้อตกลงระหว่างธุรกิจ โดยปกติจะทำเพื่อการลดต้นทุน และการปรับปรุงบริการให้ดีขึ้นสำหรับลูกค้า ความร่วมมือมักจะอยู่ในรูปของข้อตกลงแบบเดี่ยว (Singleagreement) ที่มีการแบ่งปันทั้งโอกาสและความเสี่ยงเท่าๆ กันของทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง และมีการจัดการอย่างเป็นรูปแบบโดยทีมทำงานร่วมกัน หลายคนได้พยายามจัดประเภทและรูปแบบของการเป็นพันธมิตรทางธุรกิจไว้ ซึ่งมีทั้งที่เหมือนและแตกต่างกันไป ดร.ธีรยุส วัฒนาศุภโชค อาจารย์ประจำคณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้แบ่งประเภทของพันธมิตรทางธุรกิจโดยใข้รูปแบบของความร่วมมือออกเป็น 3 ประเภท คือ
พันธมิตรแบบเซ็นสัญญา (Contractual Agreement) เป็นความร่วมมือระหว่าง 2 องค์กรขึ้นไปที่เซ็นสัญญาเพื่อร่วมมือในกิจกรรมทางธุรกิจอย่างใดอย่างหนึ่ง เช่น การแลกเปลี่ยนความรู้ทางเทคโนโลยี การรวมทรัพยากรและทักษะการดำเนินธุรกิจเพื่อให้เกิดการลดต้นทุน เป็นต้น โดยการทำพันธมิตรแบบนี้สามารถทำได้ในหลายรูปแบบอาทิ ช่องทางการจัดจำหน่าย การส่งเสริมการขาย
และโฆษณา การวิจัยและพัฒนา การจัดซื้อ ธุรกิจประเภทนี้จะมีความผูกพันกันน้อย เนื่องจากยังคงเป็นองค์กรที่ดำเนินการอย่างอิสระไม่ขึ้นต่อกัน จะร่วมมือกันเฉพาะประเด็นที่ได้มีการตกลงกันไว้ในสัญญาเท่านั้น ตัวอย่างพันธมิตรรูปแบบนี้ อาทิ Star alliances

ตัวอย่าง   พันธมิตรธุรกิจการบินของบริษัทการบินไทย จำกัด (มหาชน) ที่ร่วมมือโดยการเซ็นสัญญากับสายการบินพันธมิตรในการร่วมกัน
กำหนดเครือข่ายการให้บริการทั่วทุกภูมิภาค หรือกรณีของบริษัท แมคโดนัลด์แถมของเล่นจากบริษัทดิสนีย์ให้กับลูกค้าที่ซื้อแฮมเบอร์เกอร์ อีกตัวอย่างหนึ่งคือ บริษัทผู้ผลิตเครื่องดื่มบำรุงกำลัง คาราบาวแดงที่ในช่วงเริ่มต้นธุรกิจได้ตัดสินใจที่จะเป็นพันธมิตรธุรกิจกับบริษัทเสริมสุข จำกัดซึ่งเป็นบริษัทผู้ผลิตเครื่องดื่มเป๊ปซี่ ในการทำแผนการขายร่วมกัน และมีช่องทางการจัดจำหน่ายมากมายที่จะช่วยให้คาราบาวแดงเป็นที่รู้จักและติดตลาดได้ง่ายขึ้น เป็นต้น
พันธมิตรแบบเข้ามาถือหุ้นระหว่างกัน (Minority Equity Agreement) เป็นลักษณะที่ธุรกิจมีความร่วมมือกันด้านทุนในการประกอบธุรกิจ เช่น การถือหรือแลกเปลี่ยนหุ้นระหว่างกัน การกำหนดราคาหุ้นของบริษัทแล้วให้บริษัทพันธมิตรเข้ามาซื้อหุ้นในราคาต่ำกว่าราคาตลาด ซึ่งจะทำให้แต่ละบริษัทมีสิทธิในส่วนแบ่งกำไรของบริษัทพันธมิตร เป็นการลดปัญหาความขัดแย้งด้านผลประโยชน์
ของแต่ละบริษัท และสามารถนำไปสู่ความร่วมมือในด้านต่างๆ เช่น ตลาด เทคโนโลยี การเงิน และการจัดซื้อ เป็นต้น วิธีนี้จะมีความร่วมมือที่เหนียวแน่นมากกว่าการเซ็นสัญญา เนื่องจากมีเรื่องของเงินทุนเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย
พันธมิตรแบบธุรกิจร่วมทุน (Joint Venture) จะแตกต่างจากพันธมิตรแบบเข้ามาถือหุ้นระหว่างกันเพราะพันธมิตรแบบธุรกิจร่วมทุนเป็นการร่วมทุนในการจัดตั้งองค์กรใหม่ร่วมกัน ซึ่งมีการดำเนินงานที่แยกจากธุรกิจหรือองค์กรเดิมที่แต่ละฝ่ายมีอยู่แล้ว เช่น บริษัท A ร่วมทุนกับบริษัท Bเพื่อจัดตั้งบริษัท C สำหรับดำเนินงานอย่างใดอย่างหนึ่งตามวัตถุประสงค์ร่วมกันระหว่าง A และ B
ในการทำธุรกิจร่วมทุนนี้ แต่ละบริษัทพันธมิตรเข้าไปมีส่วนร่วมในการบริหารงานของบริษัท Cโดยมีการกำหนดสัดส่วนการถือหุ้นของแต่ละบริษัทพันธมิตรอย่างชัดเจน ซึ่งขึ้นอยู่กับการต่อรองของแต่ละฝ่าย วิธีการนี้นับได้ว่าได้รับความนิยมในปัจจุบัน เนื่องจากมีความคล่องตัว และอิสระทั้งในแง่นโยบายและการดำเนินงานลักษณะกิจกรรมของพันธมิตรธุรกิจจะมีด้วยกันหลายวัตถุประสงค์ สรุปได้ดังนี้
การร่วมมือด้านการตลาด ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการแลกเปลี่ยนข้อมูล ข่าวสาร การแลกเปลี่ยนฐานลูกค้าระหว่างกัน การใช้ช่องทางการตลาดร่วมกัน การพัฒนาแคมเปญทางการโฆษณา และส่งเสริมการขายร่วมกัน รวมถึงการทำตราสินค้าร่วมกัน (Co-brand) ซึ่งมุ่งเน้นการใช้ชื่อเสียงทางด้านตราสินค้าและเครื่องหมายการค้าของพันธมิตรในการสร้างความสำเร็จทางการตลาด ในสมัยก่อน การทำตราสินค้าร่วมกัน


 อ้างอิง

ดร.ธีรยุส วัฒนาศุภโชค 2547 “ กลยุทธ์เพื่อการเติบโต สมัยใหม่ (Innovative Growth Strategy)”
โครงการสัมมนาวิชาการก้าวสู่ทศวรรษที่สามกับ MBA จุฬาฯ
ดร.ธีรยุส วัฒนาศุภโชค 2549 “ เจรจาต่อรองกับพันธมิตรให้สัมฤทธิ์ผล ” MBA Magazine No.87
Vol.8 มิถุนายน 2549
ศิริวรรณ เสรีรัตน์ 2541 “ กลยุทธ์การตลาดและการบริหารการตลาด ฉบับแก้ไขปรับปรุง
Diamond in Business World
กองบรรณาธิการ 2550 “ พันธมิตรธุรกิจ...กลยุทธ์เสริมพลังสร้างความเป็นต่อ แมกกาซีนออน
ไลน์
• Dr. Hirochi Yasuda, 2005. “Strategic Alliances for SMEs”, the Asia-Pacific Tech Monitor, May-
June 2005, pp.16-22








ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น